ประวัติการรับราชการของวงศ์เฉกอะหมัด ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ของ สกุลบุนนาค


เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) นับเป็นต้นสายสกุลหรือวงศ์เฉกอะหมัด ชั้นที่ ๑ ท่านมีบุตร ๒ คน ธิดา ๑ คน ได้แก่ ท่านชื่น ท่านชม และท่านชี ท่านชื่นได้เป็นพระยาบวรเชฐภักดีมาแต่แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาอภัยราชา สมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

เจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น) วงศ์เฉกอะหมัดชั้นที่ ๒ มีบุตรสองคนกับภรรยาหลวง (ไม่ปรากฏชื่อ) ที่หนึ่งเป็นหญิง ชื่อเลื่อน ซึ่งได้ถวายเป็นพระสนมของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีพระองค์เจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระองค์เจ้าแสงจันทร์ ที่สองเป็นชายชื่อสมบุญ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นจมื่นจงภักดีในกรมวัง ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนบรรดาศักดิ์ ขึ้นเป็นพระยาบำเรอภักดี ปลัดทูลฉลองกรมวัง

ท่านมหฺหมัดสะอิดน้องชายเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉกอะหมัด) ซึ่งกลับไปบ้านเมืองเดิมนั้น ได้มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อ อากามหะหมัด ผู้ได้เดินทางเข้ามาเมืองไทยและอยู่กับเจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น) ผู้เป็นพี่ เจ้า พระยาอภัยราชาได้กราบบังคมทูลสมเด็จพระนารายณ์มหาราชขอพระราชทานท่านชี น้องสาวให้เป็นภรรยาท่านอากา-มหะหมัด ท่านทั้งสองจึงได้ตั้งรกราก อยู่กรุงศรีอยุธยา สร้างบ้านเรือนหลายหลังอยู่ใกล้วัดอำแม ชาวพระนครเรียกหมู่บ้านนั้นว่า บ้านแขกกะฎีใหญ่ ต่อมาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งท่านอากามหะหมัดเป็นพระยาศรีนวรัตน์

เมื่อเจ้าพระยาอภัยราชา (ชื่น) ถึงอสัญกรรม พระยาบำเรอภักดี (สมบุญ) ผู้บุตรมีอายุได้ ๔๐ ปี สมเด็จ พระนารายณ์โปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจ้าพระยาชำนาญภักดี ที่สมุหนายก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายเหนือ

เจ้าพระยาชำนาญภักดี (สมบุญ) วงศ์เฉกอะหมัดชั้นที่ ๓ มีบุตร ๒ คน ชื่อใจ และชื่อจิตร บิดาได้ถวายตัวให้เป็นมหาดเล็กทั้งสองคน ส่วนพระยาศรีนวรัตน์และท่านชี มีบุตรชาย ๒ คน ชื่อ ยี และชื่อแก้ว บิดาถวายตัวให้เป็นมหาดเล็กทั้งคู่ รับราชการมีความสามารถมาก พระอนุรักษ์ราชา (ยี) เป็นผู้กล้าหาญและมีฝีมือเข้มแข็งได้เคยไปร่วมรบกับสมเด็จพระเพทราชา เมื่อครั้งยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ และร่วมไปในกองทัพของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ด้วย สมเด็จพระนารายณ์โปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์พระยาอนุรักษ์ราชา (ยี) ให้เป็นเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองตะนาวศรีรักษาเมืองหน้าศึก และเลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงศรียศ (แก้ว) เป็นพระยาจุฬาราชมนตรี เจ้ากรมท่าขวา

ในแผ่นดินสมเด็จพระเพทราชา บุตรเจ้าพระยาชำนาญภักดี (สมบุญ) สองคน คือ ท่านใจและท่านจิตรนั้น ท่านใจไม่ได้ทำราชการ แต่ท่านจิตรน้องชายซึ่งชอบพอรักใคร่กับขุนหลวงสรศักดิ์ มหาอุปราชเป็นอันมาก จึงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งท่านจิตรเป็นพระพรหมสุรินทร์ เจ้ากรมตำรวจหน้าในพระราชวังบวรฯ แต่ท่านถึงแก่อนิจกรรมก่อนที่ขุนหลวงสรศักดิ์จะขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน

ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ โปรดให้ข้าหลวงเดิมหลายคนที่มีความดีความชอบเป็นเจ้าพระยา พระยา พระ ฯลฯ ตามฐานานุศักดิ์ความชอบมากและน้อย ทั้งพระราชทานทรัพย์สินตามลำดับ ในจำนวนขุนนางที่ทรงตั้งขึ้นนั้น มีท่านใจซึ่งเป็นบุตรคนใหญ่ของเจ้าพระยาชำนาญศักดิ์ (สมบุญ) ด้วยคนหนึ่ง ซึ่งโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็นพระยาเพ็ชรพิไชย จางวางกรมล้อมพระราชวังหลวง และให้ว่ากรมอาสาจามและอาสาญี่ปุ่นด้วย

ส่วนบุตรสองคนของเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ (ยี) เจ้าเมืองตะนาวศรี ชื่อ ท่านสี และท่านสน นั้น พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดา ศักดิ์ให้ท่านสีผู้พี่เป็นพระยาอมเรนทร์ จางวางกรมอาสาจาม ให้ท่านสนผู้น้องเป็นหลวงศรียศในกรมท่าขวา ต่อมาเมื่อพระยาศรีนวรัตน์ (อากามหะหมัด) บิดาเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ ชราภาพ และถึงอนิจกรรมลง เมื่ออายุ ๘๕ ปี จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์หลวงศรียศ (สน) ขึ้นเป็นพระยา-จุฬาราชมนตรี เจ้ากรมท่าขวา ทั้งพระยาอมเรนทร์ (สี) และพระยาจุฬาราชมนตรี (สน) สองคนพี่น้องนี้หาได้มีบุตรธิดาสืบเชื้อสายไม่

ส่วนพระยาเพ็ชรพิไชย (ใจ) วงศ์เฉกอะหมัดชั้นที่ ๔ ได้แต่งงานกับ ท่านแฉ่ง ธิดาเจ้าพระยารัตนาธิเบศ ที่สมุหพระกลาโหม มีบุตรธิดาด้วยกัน ๓ คน คือ ธิดาชื่อ แก้ว บุตรชื่อ เชน และเสน มีบุตรกับภรรยาอื่นอีก ๑ คน ชื่อ หนู